• ติดต่อสอบถาม

  • 029081349
สร้างโรงเรือนปลูกพืชง่าย ๆ ด้วยตัวเอง: เคล็ดลับสำหรับมือใหม่
18 ธ.ค. 2567, 16:43

สร้างโรงเรือนปลูกพืชง่าย ๆ ด้วยตัวเอง: เคล็ดลับสำหรับมือใหม่

การสร้างโรงเรือนปลูกพืชเองที่บ้านกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มผลผลิตที่สดใหม่และปลอดสารพิษแล้ว ยังเป็นกิจกรรมที่ให้ความเพลิดเพลิน ช่วยลดความเครียดและเสริมสร้างความรู้ใหม่ ๆ ได้อีกด้วย การสร้างโรงเรือนปลูกพืชเองไม่จำเป็นต้องมีความรู้เฉพาะทางมากมาย แต่หากมีเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็จะช่วยให้การสร้างและดูแลโรงเรือนเป็นเรื่องง่าย มาดูกันว่าเราจะเริ่มต้นสร้างโรงเรือนปลูกพืชเองได้อย่างไร!

 

1. ทำความเข้าใจประเภทของโรงเรือนและวัสดุที่เหมาะสม

ก่อนเริ่มสร้างโรงเรือน สิ่งสำคัญคือต้องทำความเข้าใจถึงประเภทของโรงเรือนต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับพื้นที่และความต้องการของเรา โรงเรือนที่สร้างง่าย ๆ สามารถใช้วัสดุราคาประหยัดและหาได้ทั่วไป ซึ่งประเภทที่เหมาะสมกับมือใหม่ได้แก่:

  • โรงเรือนพลาสติก: ใช้โครงสร้างไม้หรือเหล็กที่หุ้มด้วยแผ่นพลาสติกใส เพื่อช่วยกันลมและฝน ทำให้พืชได้รับแสงธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้น และสามารถสร้างขนาดเล็กในบ้านหรือสวนหลังบ้านได้ง่าย
  • โรงเรือนแบบโค้ง (Tunnel Greenhouse): โครงสร้างแบบโค้งที่คลุมด้วยพลาสติก ทำให้สามารถรับลมและทนแรงฝนได้ดี โครงสร้างที่เรียบง่ายนี้ช่วยให้พืชได้รับแสงอย่างเต็มที่ตลอดทั้งวัน
  • โรงเรือนเฟรมไม้: หากต้องการวัสดุธรรมชาติ เฟรมไม้เป็นตัวเลือกที่ดี ใช้ไม้ทำโครงสร้างและคลุมด้วยพลาสติกหรือผ้าใบ พลาสติกใสยังช่วยป้องกันแมลงได้ดี

การเลือกวัสดุสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามงบประมาณ เช่น หากต้องการความทนทานก็ใช้เหล็กหรือท่อ PVC ที่แข็งแรง ส่วนพลาสติกหรือฟิล์ม UV ใสจะช่วยป้องกันรังสี UV และเพิ่มอายุการใช้งานของโรงเรือน

 

2. การวางแผนพื้นที่และตำแหน่งการวางโรงเรือน

การเลือกตำแหน่งตั้งโรงเรือนมีความสำคัญเพราะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของพืช ควรเลือกบริเวณที่มีแสงแดดเข้าถึงตลอดทั้งวัน อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน โดยพิจารณาปัจจัยดังนี้:

  • หันหน้าโรงเรือนไปทางทิศตะวันออก-ตะวันตก: เพื่อให้แสงแดดกระจายทั่วถึงและยาวนานที่สุด
  • หลีกเลี่ยงที่ลมแรงเกินไป: หากโรงเรือนไม่มีโครงสร้างแข็งแรงควรหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีลมแรง แต่หากจำเป็นให้ใช้บังลมหรือปลูกต้นไม้ขนาดเล็กเพื่อช่วยลดแรงลม
  • พื้นที่ที่มีการระบายน้ำดี: หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่น้ำขังง่าย เพราะอาจทำให้โครงสร้างโรงเรือนเกิดความเสียหาย และพืชจะไม่เติบโตดีหากอยู่ในพื้นที่ที่มีความชื้นสูงเกินไป

การวางแผนพื้นที่ก่อนการสร้างจะช่วยให้การจัดการน้ำและการดูแลพืชในโรงเรือนทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 

3. วัสดุและอุปกรณ์ที่ต้องใช้

สำหรับโรงเรือนปลูกพืชง่าย ๆ นั้น สามารถสร้างได้โดยใช้วัสดุที่หาได้ทั่วไป วัสดุหลัก ๆ ที่ต้องใช้ ได้แก่:

  • โครงสร้างโรงเรือน: เลือกใช้ท่อ PVC เหล็ก หรือไม้ ขึ้นอยู่กับความสะดวกและงบประมาณ
  • แผ่นพลาสติกหรือฟิล์มคลุม: เลือกพลาสติกใสหรือฟิล์ม UV ที่มีความหนาพอสมควร เพื่อป้องกันแสงแดดและช่วยลดอุณหภูมิภายใน
  • คลิปหรือเชือกสำหรับยึด: สำหรับยึดพลาสติกให้ติดกับโครงโรงเรือน ป้องกันการปลิวของพลาสติก
  • วัสดุรองพื้น: หากต้องการปลูกพืชลงดิน ใช้ผ้าพลาสติกคลุมดินเพื่อลดการเกิดวัชพืช หรือหากปลูกพืชในกระถางอาจไม่จำเป็นต้องมีพื้น

เครื่องมือที่ควรมี:

  • ค้อน เลื่อย สว่าน หรือไขควง สำหรับการประกอบโครงสร้าง
  • กรรไกรตัดพลาสติก หรือมีดคัตเตอร์
  • เทปกาวสำหรับซ่อมแซมพลาสติกในกรณีที่เกิดความเสียหายเล็กน้อย

 

4. ขั้นตอนการสร้างโรงเรือนอย่างง่าย

เมื่อมีวัสดุและอุปกรณ์ครบแล้ว มาดูขั้นตอนการสร้างโรงเรือนง่าย ๆ ดังนี้:

ขั้นตอนที่ 1: ประกอบโครงสร้าง

  • เริ่มจากการสร้างฐานโครงโดยวางท่อ PVC หรือโครงไม้เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
  • ใช้ค้อนหรือตะปูในการยึดโครงพื้นให้แข็งแรง และทำโครงโค้งขึ้นไปตามความสูงที่ต้องการ (แนะนำสูงประมาณ 2-2.5 เมตร เพื่อให้เดินเข้า-ออกสะดวก)

ขั้นตอนที่ 2: การคลุมพลาสติก

  • นำแผ่นพลาสติกคลุมลงบนโครงโค้ง โดยให้ส่วนพลาสติกครอบคลุมด้านข้างโรงเรือนจนถึงพื้น
  • ใช้คลิปหรือเชือกยึดพลาสติกกับโครงโรงเรือนให้แน่น โดยเฉพาะมุมและขอบของโรงเรือนเพื่อป้องกันการปลิวจากแรงลม

ขั้นตอนที่ 3: การทำประตู

  • ตัดพลาสติกหรือเว้นช่องด้านหน้าหรือด้านข้างของโรงเรือนไว้สำหรับทำประตู ใช้แผ่นพลาสติกหรือไม้ทำบานพับให้เปิด-ปิดได้สะดวก

ขั้นตอนที่ 4: การติดตั้งระบบรดน้ำ (ถ้ามี)

  • หากต้องการความสะดวกในการรดน้ำ อาจติดตั้งสายยางแบบเจาะรูหรือหัวพ่นน้ำขนาดเล็กตามความยาวของแปลงปลูก เพื่อให้น้ำกระจายทั่วถึง

 

5. เคล็ดลับการดูแลโรงเรือนสำหรับมือใหม่

หลังจากสร้างโรงเรือนเรียบร้อยแล้ว ยังมีเคล็ดลับการดูแลที่จะช่วยให้พืชเติบโตอย่างแข็งแรงและโรงเรือนมีอายุการใช้งานนานขึ้น:

  • การระบายอากาศ: เปิดประตูหรือหน้าต่างของโรงเรือนทุกวัน เพื่อให้อากาศไหลเวียน ลดความชื้นสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดเชื้อรา
  • การควบคุมอุณหภูมิ: ในช่วงฤดูร้อนควรติดตั้งแผ่นบังแดด หรือคลุมพลาสติกสีขุ่นบางส่วน เพื่อป้องกันความร้อนเกินไปที่อาจทำให้พืชเหี่ยวแห้ง
  • การให้น้ำ: พืชในโรงเรือนจะมีความต้องการน้ำสูงกว่าพืชกลางแจ้งเพราะอากาศอบอ้าวมากกว่า ควรเช็กความชื้นของดินและรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ
  • การใช้ปุ๋ยและสารอาหาร: พืชในโรงเรือนควรได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ เพื่อทดแทนสารอาหารที่ถูกชะล้างไปกับน้ำและดิน ควรใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยน้ำที่ละลายน้ำง่ายเพื่อให้พืชดูดซึมได้ดี

 

6. ข้อดีของการปลูกพืชในโรงเรือน

การปลูกพืชในโรงเรือนมีข้อดีหลายประการ ทั้งในแง่ของการดูแลและประสิทธิภาพการเติบโตของพืช ดังนี้:

  • ลดการเข้าถึงของแมลงและศัตรูพืช: โรงเรือนช่วยลดโอกาสที่แมลงจะเข้ามารบกวนพืชได้ ทำให้ลดการใช้สารเคมีได้ดี
  • ควบคุมสภาพอากาศได้: แม้ว่าจะไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ทั้งหมด แต่โรงเรือนสามารถกันลมและฝนได้ ทำให้พืชเจริญเติบโตในสภาพที่เหมาะสม
  • ผลผลิตที่สม่ำเสมอ: พืชในโรงเรือนมีสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้ ทำให้ผลผลิตออกมามีคุณภาพและสม่ำเสมอกว่าการปลูกกลางแจ้ง

การสร้างโรงเรือนปลูกพืชง่าย ๆ ด้วยตัวเองเป็นกิจกรรมที่ให้ความสุขและประโยชน์ได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมืออาชีพก็สามารถสร้างโรงเรือนได้ตามขั้นตอนง่าย ๆ และเพลิดเพลินไปกับการปลูกพืชที่สดใหม่ ปลอดสารพิษ และยังเพิ่มความสวยงามให้กับพื้นที่บ้านของคุณอีกด้วย